บริษัทฯ จึงขอหยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป
คู่มือเที่ยว สวนผึ้ง ฉบับสมบูรณ์
"สาวกะเหรื่ยงเคียงถิ่นตะนาวศรี ลำภาชี แก่งส้มแมวแนวหินผา ธารน้ำร้อนบ่อคลึงตรึงติดตา น้ำผึ้งป่า หวานซึ้ง ตรึงใจ" เป็นคำขวัญของอำเภอ สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ที่บ่งบอกความสวยงามและธรรมชาติของสวนผึ้งได้เป็นอย่างดี สวนผึ้ง ณ เวลานี้ กลายเป็นสถานทีท่องเทียวยอดฮิตในอันดับต้นๆ จากที่แห้งแล้งไม่เคยมีใครพูดถึง ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ กลายเป็นเมืองเล็กๆ แสนจะน่ารัก ดึดดูดให้หลายๆ คนอยากมา และอย่าลืมพกกล้องถ่ายรูปมากันด้วยนะคะ เพราะสวนผึ้งมีจุดให้ถ่ายรูปเยอะมากถึงมากที่สุด

มีอะไรน่าสนใจบ้าง
สวนผึ้ง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดราชบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพ เพียงแค่ 2 ชั่วโมงเศษๆ เท่านั้น ลักษณะของอำเภอสวนผึ้งจะเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนใกล้ชายแดนพม่า มีเทือกเขาตะนาวศรีกั้นอยู่ และเต็มไปด้วยป่าสูงชัน มีอากาศที่บริสุทธิ์และเย็นสบาย ยิ่งถ้าเป็นฤดูหนาวจะหนาวพอๆกับภาคเหนือเลย มีชาวกระเหรี่ยงอาศัยอยู่มาแต่ดั้งเดิม ทำอาชีพล่าสัตว์ หารังผึ้ง ตามต้น ชวนผึ้ง หรือ ยวนผึ้ง ที่มีรังผึ้งขนาดใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อ "สวนผึ้ง" นั่นเอง ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมีอยู่หลายที่ไม่ว่าจะเป็น บ่อน้ำร้อน น้ำตกเก้าโจน สวนกล้วยไม้ รวมถึงรีสอร์ทสไตล์ฮิบๆ สวนผึ้งมีอยู่หลายแห่ง
การเดินทางมาสวนผึ้งถ้าสามารถส่วนตัวจะสะดวกที่สุด เพราะสวนผึ้งมีสถานที่ให้แวะเที่ยวอยู่มากมาย การมารถส่วนตัวดูจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด การเดินทางมาสวนผึ้ง จากกรุงเทพให้ใช้เส้นเพชรเกษม มุ่งหน้าสู่นครปฐม ข้ามแม่น้ำแม่กลอง เข้าจังหวัดราชบุรี เลี้ยวขวาเข้าสวนผึ้ง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ระยะทาง 160 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นช่วงวันหยุดยาว รถจะติดยาวทีเดียวค่ะ แนะนำว่าให้เผื่อเวลากันสัดนิด
เรามาเริ่มต้นทัวร์สวนผึ้งเมืองน่ารักกันดีกว่า เราจะแนะนำสถานที่ที่น่าสนใจและควรจะแวะ มาตั้งต้นกันที่ หน้าที่ว่าการอำเภอสวนผึ้ง


จุดแรกที่อยากจะให้แวะคือ ร้านกาแฟโมอาย (Moai Coffee) จะอยู่ทางฝั่งขวามือ โดดเด่นด้วยตัวโมอาย แท่งหินหน้าคนขนาดใหญ่ ที่โมอายไม่เพียงแต่ขายกาแฟอย่างเดียว ยังมีฟาร์มแกะขนาดเล็กไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาให้อาหารหรือถ่ายรูปกันด้วยค่ะ
ค่าใช้จ่าย ค่าเข้าไปให้อาหารแกะผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาm
เบลลิซซิโม่


ขับเลยมาอีกนิดให้คอยมองทางฝั่งซ้ายมือจะพบกับฟาร์มแกะขนาดย่อม และร้านกาแฟเล็กๆ ที่แสนจะน่ารัก กับ เบลลิสซิโม่ Bellissimo Cafe & Resort ที่นี่เป็นอีกมุมโปรดของหลายๆคนที่จะต้องแวะเข้ามาถ่ายรูป เพราะมีมุมถ่ายเยอะมาก ทั้งบ้านในส่วนรีสอร์ท ที่มีสีสันสดใส หรือบริเวณฟาร์มแกะ หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จแล้วเข้ามานั่งจิบกาแฟรสชาติดีๆ หรือเบเกอรี่ที่แสนอร่อยจากฝีมือเจ้าของ Bellissimo
ค่าใช้จ่าย ค่าเข้าไปให้อาหารแกะผู้ใหญ่ 40 บาท



อยู่ทางฝั่งขวามือ เป็นร้านขายของที่ระลึก ส่วนมากเป็นเทียนแบบต่างๆ แล้วเสื้อเพ้นท์ลายน่ารักๆ ภายในจะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำกันด้วยนั่นก็คือ การทำเทียนในแบบของตนเอง ไว้ติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝาก
ค่าใช้จ่าย ค่าเข้าชมบ้านหอมเทียน 25 บาท (สามารถนำไปเป็นส่วนลดซื้อเทียนได้)


สถานที่ต่อมา New Land เด็กๆ จะค่อนข้างชอบ ผู้ใหญ่ก็มาได้นะคะ เพราะส่วนมากมีกิจกรรมสำหรับเด็กๆ อยู่หลายอย่าง เช่น นั่งรถไฟรอบ New land ให้อาหารแกะ กระโดดเล่นบนแทมโบลีน กิจกรรมของผู้ใหญ่ก็เช่น ขับรถ ATV ยิงธนู
ค่าใช้จ่าย
- ราคาตั๋วรถไฟ ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 40 บาท
- อาหารเลี้ยงแกะ 20 บาท
- รถ ATV 100 บาท ต่อ 2 รอบ



ตลาดน้ำแห่งใหม่ล่าสุดของสวนผึ้ง ที่ได้จำลองบรรยากาศของเมือง Venice และสถาปัตยกรรมในแบบ ซานโตรินี่ มีทะเลสาบขนาด 20 ไร่ ขนาบไปด้วยอาคารสีน้ำเงินตัดขาว ดูสวยโรแมนติคอย่างลงตัว เปิดให้บริการประมาณเดือนตุลาคม 2556 นี้ รับรองว่าถ้าได้มาตลาดน้ำ Veneto เราจะลืมตลาดน้ำแบบเดิมไปเลยค่ะ
facebook : ตลาดน้ำสวนผึ้ง Venet


บ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่ไหลมาจากซอกหินเขาตะนาวศรี จนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของสวนผึ้ง อุณภูมิของบ่อน้ำร้อนอยู่ที่ 50-60 องศา ลงแช่ในตอนแรกๆ อาจจะรู้สึกร้อนนิดหน่อย แต่สักพักจะรู้สึกสบายมาก ที่นี่เค้าจะทำเป็นสระกระเบื้องคล้ายสระว่ายน้ำให้ได้ลงแช่กัน ส่วนสระแบบธรรมชาติก็มีค่ะ
ค่าใช้จ่าย
- ค่าเข้าคนละ 5 บาท
- ค่าลงสระกระเบื้อง ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท
- สระธรรมชาติอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 30 เด็ก 10 บาท
อุทยานกล้วยไม้ The Blooms Orchid Park




แวะมาชมสวนกล้วยไม้กันสักหน่อย ที่มีดอกกล้วยไม้สวยๆ นานาพันธุ์บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ได้รับรางวัลมามากมาย ใครสนใจอยากซื้อกล้บบ้านไปปลูกเองก็ได้ พร้อมมุมถ่ายรูปมากมาย


สวนผึ้งก็มีไร่องุ่นเหมือนกันค่ะ ถ้าขับรถมาจากหน้าอำเภอสวนผึ้ง สัก 17 กิโลเมตร ตรงมาเจอสามแยก เลี้ยวขวามาสักนิดก็ถึงไร่องุ่นปัญญาสวรรค์ ปลูกทั้งองุ่นเขียวและองุ่นแดง สามารถทานได้เลยเค้าไม่ฉีดยา ที่ยังเปิดให้กางเต้นท์นอนด้วยนะคะ บรรยากาศของไร่องุ่นๆ กับภูเขาดูสวยงามมาก


หรือน้ำตกเก้าชั้น สายน้ำจากผาหินแกรนิตที่ไหนลงมา 9 ชั้น มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ให้นักท่องเที่ยวได้ลงเล่น ปีนป่ายผาหินที่สวยงามแห่งนี้
เขากระโจม
ใครที่ชอบเที่ยวแบบลุยๆ แนะนำให้มาที่นี่ยอดเขากระโจม ติดเขตชายแดน ไทย-พม่า ที่เทือกเขาตะนาวศรี ที่มีความสูง 1045 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมทะเลหมอก และจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ชื่อเขากระโจม มีที่มามาจากที่ว่า ถ้ามองจากไกลๆแล้ว จะเห็นภูเขามีลักษณะคล้ายกระโจม จึงเรียกที่นี่ว่า "เขากระโจม" นั่นเอง การเดินทางมาเขากระโจมจะสมบุกสมบันสักหน่อย ทางขึ้นค่อนข้างชันจึงต้องใช้รถโฟร์วิลอย่างเดียว ใครอยากมาเค้าก็มีบริการของกลุ่มรักษ์เขากระโจมพาขึ้นมาได้ค่ะ หรือถ้าเป็นขาลุยชอบขับโฟร์วิลอยู่แล้วก็ลุยเลยค่ะ



เป็นสวนป่าธรรมชาติที่มีต้นไม่นานาชนิด ยังเป็นสถานที่เรียนรู้ธรรมชาติอีกด้วย ใครสนใจอยากจะมาตั้งเต้นท์ที่นี่เค้าก็มีบริการค่ะ ที่แก่งส้มแม่วไม่ได้มีแค่เพียงป่าไม้ยังมีน้ำตกอีกด้วยถือว่าเป็นน้ำตกที่มีน้ำมากที่สุดของสวนผึ้ง น้ำไหลมาจากแม่น้ำภาชี




เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งล่าสุดของ สวนผึ้ง กับฟาร์มอัลปาก้าและสัตว์เลี้ยงหายาก แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีขนาด 250 ไร่ อัลปาก้า เป็นสัตว์จำพวกอูฐ ลักษณะหน้าตาจะคล้ายอูฐ แต่จะตัวเล็กกว่าและไม่มีหนอก นำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย โดยคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุด ผลผลิตที่ได้จากอัลปาก้าคือ เส้นใยที่ได้จากขนที่มีถึง 22 สี นำไปผลิตเป็นเสื้อผ้าที่อเมริกา และยังขายได้ในราคาสูงอีกด้วย สำหรับใครที่สนใจอยากเข้าชมฟาร์มอัลปาก้า ต้องติดต่อจองล่วงหน้าก่อน และเปิดให้เข้าชมเฉพาะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เท่านั้น และใครสนใจอยากนำกลับมาเลี้ยงเค้าก็มีอัลปาก้า พ่อพันธุ์แม่พันธ์ ไว้ขายอีกด้วย นอกจากนี้ในฟาร์มยังมีสัตว์ที่หายากอื่นๆ ที่นำมาจากออสเตรเลีย อย่างเช่น จิงโจ้แคระ กระต่ายยักษ์ หนูตะเภา
ของฝากจากสวนผึ้ง
ตุ๊กตาแกะ
เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสวนผึ้ง รวมถึงพวกเสื้อยืดสกีนลายแกะ หรือสวนผึ้ง ที่ใครมาแล้วก็จะซื้อไปฝาก ซึ่งร้านขายตุ๊กตาแกะก็มีอยู่หลายร้านในช่วง หน้า สวิส วัลเล่ย์ รีสอร์ท ไปจนถึง เซนเนอรี่ รีสอร์ท
สับปะรด
เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของสวนผึ้ง เพราะที่นี่ปลูกสัปปะรดกันเยอะ จะมีร้านขายตามข้างทางราคาไม่แพงกิโลละ 7-15 บาท แล้วแต่ว่าเป็นสับปะรดเบอร์ 1 หรือ 2 (เบอร์ 1 จะหวานฉ่ำ เบอร์ 2 ปานกลาง) มาสวนผึ้งแล้วไม่แวะซื้อแล้วจะเสียดาย
เห็ด
ที่สวนผึ้งมีฟาร์มเพาะเห็ดอยู่หลายฟาร์ม เห็ดที่นิยมซื้อกลับไปจะเป็น เห็ดโคนญี่ปุ่น เห็ดหอม และเห็ดฟาง รับรองว่าสดและอร่อย
จริงๆ แล้วสวนผึ้งเมืองเล็กๆ ที่แสนน่ารัก มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ อยู่ร้านเลยทีเดียว เลือกแวะกันไม่ถูกเลย ครั้งนี้เลยจะแนะนำร้านอาหารที่ทางเราไปชิมมาแล้ว และรสชาติอร่อยแน่นอนมาบอกกันค่ะ
ร้านครัวม่อนไข่


ร้านอาหารไทยพื้นบ้านการันตีความอร่อย แต่อาจจะรอนานสักหน่อยเพราะร้านนี้คนเยอะมากๆ ยิ่งในช่วงเทศกาลคนแน่นร้านค่ะ จะทานของอร่อยต้องใจเย็นๆกันนิดนึง ส่วนอาหารแนะนำของครัวม่อนไข่ก็คือ ยำผักกูด ที่หาทานที่ไหนไม่ได้ ขอบอกว่าอร่อยมาก ของหวานที่นี่ก็รสชาติเยี่ยม เช่น สังขยาฟักทอง อร่อยค่ะชอบตรงที่ไม่หวานมาก วุ้นมะพร้าว คอนเฟิร์มเลยค่ะว่าร้านนี้เด็ด ส่วนพิกัดของร้านนี้ ขับรถไปทางเขากระโจม ครัวม่อนไข่จะอยู่ก่อนถึงโรงเรียนสินแร่สยาม
ร้านกาแฟ Amante


ไปทานข้าวร้านครัวม่อนไข่กันมาแล้วอย่าลืมแวะดื่มกาแฟที่อามันเต้กันด้วย เพราะร้านอยู่ตรงข้ามกับครัวม่อนไข่เลย เป็นร้านกาแฟเล็กๆ น่ารักๆ ที่นี่เค้าใช้กาแฟของดอยช้าง แต่ที่ทางร้านบอกว่ามาแล้วต้องสั่งคือ ชาเขียวปั่น และ กาแฟปั่นใส่น้ำผึ้ง ไปลองชิมกันให้ได้นะคะ รับรองจะติดใจ
ร้านก๋วยเตี๋ยวไข่สูตรคุณยาย

ของอร่อยคนก็ต้องเยอะเป็นธรรมดากับร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรคุณยาย ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรดั้งเดิมรสชาติกลมกล่อมไม่ต้องปรุงเพิ่ม เสริฟพร้อมไข่ต้ม อร่อยจนติดใจกันมานักต่อนัก ร้านหาไม่ยากค่ะ อยู่ก่อนเข้าสวนผึ้งนิดเดียว ขับผ่านโรงพยาบาลสวนผึ้งมาแล้วให้สังเกตุขวามือไว้ ร้านจะมีป้ายบอกชัดเจน
สำหรับสวนผึ้ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถไปได้ทั้งปี แต่ละฤดูกาลจะพบความสวยงามที่แตกต่างกันไป ส่วนช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมามากที่สุดก็คือ ช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ เพราะอากาศจะค่อนข้างเย็นไม่แพ้ทางเหนือเลย หรือฤดูฝนช่วงพฤษภาคม-สิงหาคม ก็มีความสวยงามไม่น้อยค่ะ ป่าไม้จะชุ่มฉ่ำเขียวขจี แต่ถ้าจะไปช่วงหน้าร้อนก็ได้ค่ะ แต่อาจจะร้อนและแดดแรงสักหน่อย เอาเป็นว่าว่างเมื่อไหร่ก็มาได้เลยค่ะ สวนผึ้งพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งปี